วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2552

ประกาศด่วน (***ตั๋วขายหมดแล้ว ขออภัยในความไม่สะดวก***)

ประกาศด่วน (***ตั๋วขายหมดแล้ว ขออภัยในความไม่สะดวก***)
20 บาทสำหรับเข้าชมดูหนังและของว่าง

ประกาศ

ประกาศ
รายละเอียด ภาพยนตร์ "น้ำพุ"

น้ำพุ

เรื่องย่อ น้ำพุ ละครหนังไทยเรื่องสั้นสำหรับคนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน

น้ำพุ (สุวัฒน์ บุญเพ็ญ) อยากย้ายมาเรียนในกรุงเทพมหานคร เพราะน้ำพุรักศิลปะที่กรุงเทพมหานคร ขอร้องอนุพันธ์หรือพ่อน้ำพุ (พิพัตน์พงศ์ พิธีการ) อนุธิดาหรือแม่น้ำพุ (เอกสิทธิ์ ปานเจริญ) และกบ พี่สาวน้ำพุ (เบญจพร บุญไพศาล) ทั้งครอบครัวน้ำพุ มาถึงในกรุงเทพมหานคร น้ำพุดีใจที่ย้ายมา แต่กบชอบด่าน้ำพุประจำ กบเป็นห่วงน้ำพุ กบไม่อยากให้น้ำพุเดินเที่ยวโดยตามใจตัวเอง เพราะกบเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพมหานคร แต่แม่น้ำพุห้ามกบว่าน้ำพุ เพราะแม่น้ำพุยังรักน้ำพุ อยากให้น้ำพุต้องฝึกตัวเอง ป้องกันตัวเอง ให้เก่งเหมือนพ่อ กบจึงยอมรับปากของแม่น้ำพุ ทั้งครอบครัวถ่ายรูปกันมีอย่างความสุข
จันทร์ (มัลลิกาวรรณ สิงหพันธ์) เป็นหัวหน้ากลุ่มขายตัว มีเพื่อนสนิทเป็นหลานของจันทร์ชื่อ เจน (สมสกุล ทองเฟื่อง) มีเพื่อนที่มาสมัครทำงานด้วยเป็นผู้หญิงที่รับใช้ไปขายตัวหาเงินแบ่งให้จันทร์ 2 คน ชื่อ จ๋า (ร่มขวัญ สายทอง) และ แพรว (ปริชาติ รัตนพงศ์)
แป้ง (สุพัตรา มงคลแสง) เพื่อนเก่าของน้ำพุที่เคยเรียนลาออกจากเชียงใหม่ ย้ายมาทำงานในกรุงเทพ ยังคิดถึงพ่อของหล่อนที่เสียชีวิตตอนหล่อนเรียนอยู่เชียงใหม่ ยังเจอน้ำพุ น้ำพุก็แอบชอบแป้งอยู่ และพาไปเที่ยวด้วยกัน แถบซื้อเสื้อให้แป้งด้วย ทำให้แป้งติดตามน้ำพุตลอดเวลา
วันไหนวันหนึ่ง พ่อแม่น้ำพุเกิดทะเลาะกัน พ่อไปหาเมียใหม่คือ จันทร์ นั่นเอง จันทร์ทำให้แม่น้ำพุโกรธไม่สบายใจไม่อยากอยู่บ้าน เลยออกไปหามีผัวใหม่ชื่อ แว่น (เอกพจน์ ราษฎร์เจริญดี) พาแม่น้ำพุกับกบ น้ำพุย้ายบ้านของแว่น โดยมีพรศรี แม่ของแว่น(คณวัฒน์ พิมเลขาวรานนนท์) ยินดียอมอนุญาตให้อยู่ร่วมกับแว่น เมื่อมาอาศัยอยู่บ้านของแว่น ทำให้เกิดปัญหา น้ำพุได้เจอผู้หลอกไปมีเซ็กต์กันและยังโดน หมู (ฤกษ์มงคล ทิพย์ชิต) เพื่อนเกเรหรือเพื่อนเก่าของน้ำพุที่เคยเรียนร่วมที่เชียงใหม่ จบม.3ย้ายมาทำงานในกรุงเทพ พาไปติดยาเสพติด ดื่มสุรา ส่วนกบ พี่สาวน้ำพุ โดนแพรวกับจ๋าหลอกจับไปขายตัว กบมีเพื่อนรัก 2 คน เพชร (ธีรศักดิ์ สือพัฒธิมา) และ นัด (ภวินท์ วัชชะวิพุธ) ตามหากบ เป็นห่วงกบ และช่วยพากบกลับบ้านจนได้
แต่น้ำพุกลับบ้านได้ยังไม่หายติดยาเสพติด ทำให้แม่น้ำพุเสียใจ ร้องไห้หนัก นอนไม่หลับมีแว่นกับนางศรีช่วยดูแลแม่น้ำพุ น้ำพุโวยวายหายามาติดเสพติด แล้วน้ำพุกับครอบครัวน้ำพุจะเป็นยังไง รอติดตามดูต่อไปนี้ เริ่มเร็วๆๆนี้

ประโยชน์ สาระความรู้และข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้

1.การเลี้ยงลูก ควรจะทำความเข้าใจลูกให้มากที่สุด ว่าลูกต้องการสิ่งใด เข้าใจความรู้สึกของลูกในขณะนั้น ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วจะทำให้ลูกว้าเหว่ เหงาและอาจหันไปพึ่งสิ่งที่ไม่ดีได้ อย่างเช่นน้ำพุ คือ น้ำพุเป็นลูกผู้ชายคนเดียง บางครั้งว้าเหว่มาก และเข้ากับพี่น้องไม่ได้ เมื่อผู้หญิงเล่นอะไรกันก็จะถูกไล่ออกมา

2.วัยรุ่น เป็นวัยที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างวัยเด็กและวัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นวัยที่สับสนว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับวัย ในเรื่องนี้ชี้ให้เห็นถึงการเดินทางผิดของวัยรุน ซึ่งหันไปพึ่งยาเสพติด

3.เรื่องการคบเพื่อน เพื่อนเป็นส่วนประกอบในชีวิตที่สำคัญมาก ซึ่งถ้าเราคบเพื่อนที่ดี เพื่อนจะพาเราไปในทางที่ดี หากคบเพื่อนที่ไม่ดี เพื่อนจะพาเราไปพบกับความหายนะได้ ดังเช่นคำกล่าวที่ว่าคบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล

4.ความรู้เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นสิ่งที่มีแต่โทษไม่ควรริลอง

5.การปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน มีหลายวิธี ไม่จำเป็นจะต้องตามเพื่อนทุกอย่าง เราควรนำสิ่งที่คิดว่าดี และเข้ากับเพื่อนได้เฉพาะในทางที่ดีเท่านั้นมาแสดงออก แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ ควรจะปรับตัวใหม่ ไม่ใช่ตามเพื่อนทุกอย่าง เพราะเพื่อนอาจชักชวนให้เราเสียคนได้

6.การปรับตัวให้เข้ากับครอบครัว โดยต้องสื่อความกันให้รู้เรื่อง พูดจากันอย่างมีเหตุผล ว่าใครต้องการอะไร เมื่อเกิดปัญหา ควรจะหันหน้าเข้าหากัน ช่วยกันแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้น

7.พ่อแม่ควรรักและเอาใจใส่ลูกให้มาก คอยดูแลพฤติกรรมของลูก ไม่ให้ลูกเดินไปในทางที่ผิด แต่ไม่ใช่บังคับลูก ควรสอนให้ลูกรู้ดีชั่ว ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน เพื่อให้ลูกได้มีแนวทางปฏิบัติ

8.ตัวของวัยรุ่นเอง ควรจะมีสติมีความยับยั้งชั่งใจให้มาก เมื่อมีปัญหาควรจะเข้าหาผู้ใหญ่ เพราะการตัดสินใจด้วยตนเอง เนื่องจากขาดประสบการณ์ อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้

9.หนังสือเรื่องนี้เป็นสื่อที่ดี ที่ให้วัยรุ่นได้ดูเป็นตัวอย่างเมื่อเข้าไปข้องแวะกับยาเสพติด และจะเกิดผลอย่างไร รวมถึงผู้ปกครองว่าควรให้คำแนะนำกับลูก ๆ อย่างไรในการดำเนินชีวิต

10.เรื่องการเรียน เราควรตั้งใจเรียนหนังสือให้จบ ไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจและคิดมาก ก่อนที่สายเกินไป เช่น เมื่อพ่อแม่จากเราไปแล้ว เราจะมานั่งคิดเสียใจว่ายังไม่ได้ทำอะไรให้ท่านดีใจ ปลื้มใจ และตอบแทนท่านเลย เพราะกว่าจะคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว


คลังบทความของบล็อก